'ชายเร่ร่อน'ได้รับรางวัล ประชาบดี บําเพ็ญประโยชน์ ช่วยเหลือสังคม

  • 11 May 2020
  • 1549
หางาน,สมัครงาน,งาน,'ชายเร่ร่อน'ได้รับรางวัล ประชาบดี บําเพ็ญประโยชน์ ช่วยเหลือสังคม

ฮือฮา กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ มอบ “รางวัลประชาบดี” 57 ให้ชายชราเร่ร่อนสนามหลวง วัย 83 ปี เผยชีวิตยิ่งกว่านิยาย เคยรุ่งสุดถึงขั้นได้ทุนไปเรียนจบปริญญาโทจากอเมริกากลับมารับราชการกระทรวงสาธารณสุข ชีวิตก้าวพลาดหลงระเริงตกเป็นทาสสุรา นารี ละทิ้งครอบครัวสุดท้ายบั้นปลายไร้คนเหลียวแลต้องมาใช้ชีวิตเร่ร่อน แต่สำนึกตัวทันเร่งทำความดีตอนแก่ วอนลูกหลานให้อภัยและประกาศขอทำดีไถ่บาปก่อนลาโลกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

เรื่องราวชีวิตคนที่เคยมีอดีตรุ่งเรือง แต่ชะตาพลิกผันให้ต้องตกลงมาอยู่ในจุดต่ำสุด เพราะหลงเดินในเส้นทางที่ผิด แต่คิดได้ในภายหลังและพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลับลำหันมาทำชีวิตให้ถูกต้อง จนได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติในบั้นปลายชีวิต ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. สำนักส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประกาศรายชื่อ “ผู้ทำประโยชน์ดีเด่นแก่ผู้อยู่ในภาวะยากลำบาก และผู้อยู่ในภาวะยากลำบากที่ประพฤติตนดีเด่น” เพื่อเข้ารับรางวัล “รางวัลประชาบดี” ประจำปี 2557 ที่ถือเป็นรางวัลอันทรงเกียรติยศของกระทรวงฯ ที่มอบให้บุคคลที่ทำคุณประโยชน์ สำหรับปีนี้คณะกรรมการมีมติเห็นชอบมอบรางวัลให้บุคคลและองค์กรต่างๆ 90 รางวัล จาก 4 สาขาประเภท ซึ่งจะได้รับเกียรติเข้าเฝ้ารับเสด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ที่จะประทานรางวัลเข็มเชิดชูเกียรติ โดยบุคคลและองค์กรที่มีชื่อเสียงได้รับการเสนอชื่อปีนี้ อาทิ พระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี นายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ดารานักแสดงชื่อดัง มูลนิธิกระจกเงา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เป็นต้น

ขณะเดียวกันการมอบรางวัลประชาบดีปีนี้ มีหนึ่งรางวัลที่สร้างความฮือฮาเป็นพิเศษคือ ประเภทบุคคลผู้อยู่ในภาวะยากลำบาก ที่ทำคุณประโยชน์เป็นแบบอย่างที่ดี เนื่องจากมีรายชื่อ “นายชัยพร วัฒนาพร” บุคคลเร่ร่อนไร้บ้าน วัย 83 ปี ซึ่งปัจจุบันอาศัยริมฟุตปาท ย่านถนนราชดำเนินกลาง เป็นสถานที่ที่พักพิง ถือเป็นชายเร่ร่อนรายแรกถูกเสนอชื่อรับรางวัลประชาบดี โดยก่อนหน้านี้เมื่อปี 2554 “ไทยรัฐ”เคยตีแผ่เรื่องราวชีวิตที่ยิ่งกว่าละครของนายชัยพรที่เร่ร่อนใช้ชีวิต อยู่บนฟุตปาทแถวสนามหลวง เนื่องจากพบว่าเคยมีอดีตรุ่งเรืองสูงสุดถึงขั้นจบการศึกษาตั้งแต่ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทุนไปเรียนจนจบปริญญาโท ด้านสาธารณสุข จากมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา เคยเป็นอดีตข้าราชการสังกัดกระทรวงสาธารณสุข มีเงินบำนาญกิน เดือนละเกือบหมื่นบาท แต่โชคชะตาพลิกผันให้มานอนริมถนน ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าเป็นเพราะตกเป็นทาสสุราและอบายมุขจนลูกเมียเบือนหน้าหนี ครอบครัวแตกแยก ต้องออกมาระหกระเหินใช้ชีวิตเร่ร่อนนอนข้างทางมานานกว่าสิบปี กระทั่งชีวิตพลิกผันอีกครั้งเมื่อมูลนิธิอิสระชนที่ดูแลผู้เร่ร่อนสนามหลวงเห็นถึงความสามารถ และถูกชักชวนให้มาช่วยทำงานเป็นอาสาสมัครที่สถานสงเคราะห์ “บ้านมิตรไมตรี” ของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ แทนการเร่ร่อนไปอย่างไม่มีจุดหมาย หลังช่วยงานแปลเอกสาร เป็นล่ามมากว่า 3 ปี จนได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลประชาบดี ถือเป็นคนไร้บ้านรายแรกที่รับรางวัลทรงเกียรตินี้

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านมิตรไมตรี ย่านดินแดง ดูชีวิตความเป็นอยู่ของนายชัยพร พบว่าปัจจุบันทำหน้าที่ดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพักพิงที่สถานสงเคราะห์ อาศัยเพียงพื้นที่ระเบียงชั้นล่างของอาคารเป็นที่หลับนอน ข้างกายมีถุงกระสอบปุ๋ยบรรจุข้าวของใช้ ที่ส่วนใหญ่เป็นหนังสือ โดยชายชราผู้ปล่อยชีวิตล่องลอยตามโชคชะตาลิขิต เปิดใจกับ “ไทยรัฐ” ว่า ทราบข่าวว่าได้รางวัลแต่รู้สึกเฉยๆ เพราะที่ตั้งใจมาทำงานบำเพ็ญประโยชน์ ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนใดๆ ชีวิต 3 ปี ที่มาเป็นอาสาสมัคร ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน คือกลางวันช่วยงานที่บ้านมิตรไมตรี แต่เย็นยังคงกลับไปนอนริมฟุตปาทถนนราชดำเนิน โดยจะไปนอนบริเวณที่มีหญิงบริการอยู่มากๆ เพราะหญิงกลุ่มนี้มีน้ำใจ ช่วยเป็นหูเป็นตาดูแลความปลอดภัยให้คนที่นอนข้างถนน แต่ช่วงนี้มานอนค้างที่บ้านมิตรไมตรีเพราะมีงานให้ช่วยดูแลชาวต่างชาติมากๆ แต่ถ้าไม่มีงาน จะไปอ่านหนังสือตามห้องสมุด และก็ยังเหมือนเดิมคือถูกยามไล่ออกจากห้องสมุดประจำ อ้างว่าแต่งตัวสกปรกส่งกลิ่นเหม็น บางทีขึ้นรถเมล์ก็ถูกไล่ลงจากรถเพราะคิดว่าเป็นขอทาน ยอมรับว่า หลัง “ไทยรัฐ”นำเสนอเรื่องราวชีวิตตน ได้รับการติดต่อจากเพื่อนเก่าๆที่เคยเรียนด้วยกันที่สหรัฐฯ และที่เคยรับราชการที่ สธ. รู้สึกดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่าๆที่บางรายได้เป็นถึงข้าราชการระดับผู้บริหารองค์กร บ้างเป็นอธิการบดีสถาบันอุดมศึกษา และไม่รู้สึกเสียใจที่ตัวเองต้องเป็นคนไร้บ้าน เพราะทุกวันนี้ชีวิตมีความสุขดีไม่ได้เดือดร้อนอะไร

นายชัยพรกล่าวอีกว่า ตอนนี้อยากทำงานช่วยสังคมให้เต็มที่ เหตุเพราะคงมีชีวิตอยู่ไม่นาน เนื่องจากหมอตรวจพบว่าเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากระยะสุดท้าย บอกให้ตนทำใจไว้แล้ว จึงตั้งใจว่าองค์กรการกุศลไหนที่ต้องการอาสาสมัครจะเข้าไปช่วยทุกแห่ง โดยไม่รับค่าจ้าง ส่วนการได้รับรางวัลประชาบดี คิดว่าน่าจะเป็นผลดีเพราะต่อไปขึ้นรถเมล์ เข้าห้องสมุด หรือนอนข้างถนน จะได้ไม่ถูกไล่อีกอย่างเชื่อว่าลูกๆคงภูมิใจ ที่พ่อคนนี้แม้อดีตเคยทำผิดพลาดกับครอบครัวมาก่อน แต่วันนี้ได้กลับมาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งว่าไม่ได้เป็นคนไร้ค่าหรือเป็นภาระสังคม อยากให้ลูกๆให้อภัยกับสิ่งที่เคยผิดพลาดมาในอดีต เงินที่จะได้จากการรับรางวัลประชาบดี ตั้งใจไว้ว่าส่วนหนึ่งจะมอบให้บ้านมิตรไมตรี อีกส่วนมอบให้ลูก ส่วนเงินที่สะสมทั้งเงินบำนาญและฌาปนกิจ หากตายก็จะมอบให้ลูกเช่นกัน ชีวิตช่วงสุดท้ายหวังอย่างสูงว่าลูกจะอโหสิ และมาร่วมยินดีกับการรับรางวัลของพ่อ ฝากถึงคนในสังคมอย่าท้อ จากประสบการณ์ที่ใช้ชีวิตข้างถนนมานาน บอกได้ว่าสังคมไทยยังมีคนที่ดีและมีน้ำใจอีกมาก แม้แต่คนจรจัด หญิงอาชีพขายบริการ หรือคนที่เดินผ่านไปมาบนถนน ก็เคยมอบน้ำใจที่ดีให้กับตนเสมอเพราะคิดว่าตนเป็นขอทาน

ด้านนางงามจิต แต้สุวรรณ หัวหน้าสถานสงเคราะห์บ้านมิตรไมตรีกรุงเทพฯ กล่าวว่า ชวนนายชัยพรมาช่วยงานอาสาสมัครมานาน 3 ปี เนื่องจากทราบว่าจบการศึกษาถึงระดับปริญญาโทมาจากต่างประเทศ มีความรู้ด้านภาษาเป็นอย่างดี จึงมอบงานด้านแปลเอกสาร และเป็นล่ามให้ทำ ตลอดเวลาที่ช่วยงานบ้านมิตรไมตรี นายชัยพรไม่ยอมรับค่าตอบแทน ไม่ยอมทานข้าวที่บ้านมิตรไมตรีจัดให้ ขอซื้อข้าวกินเอง ทั้งยังไม่ยอมนอนในห้องรับรองแต่ไปนอนระเบียงบ้าน บอกว่าอาสาจะช่วยเป็นยาม นอกจากนี้นายชัยพรยังช่วยงานทุกอย่างที่มีไม่เว้นแม้แต่งานทำความสะอาดบ้าน แต่ยังคงเป็นคนที่รักอิสระเหมือนเดิม คือชอบเดินทางหาประสบการณ์ตามที่ตัวเองต้องการ ซึ่งบางครั้งเจ้าตัวได้พบกับผู้เดือดร้อนตามที่ต่างๆ ก็โทร.มาแจ้งให้บ้านมิตรไมตรีทราบเพื่อหาทางช่วยเหลือ ทางบ้านมิตรไมตรีจึงเสนอชื่อให้คณะกรรมการพิจารณารางวัลประชาบดี จนได้รับการคัดเลือก

นางงามจิตเผยอีกว่า ส่วนอนาคตของนายชัยพร แม้จะป่วยเป็นมะเร็งแต่สุขภาพยังแข็งแรง บ้านมิตรไมตรียังคงปรารถนาที่จะให้ช่วยงานด้านภาษาต่อไป เนื่องจากประเทศไทยกำลังเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เดือดร้อนไร้บ้านที่เป็นชาวต่างชาติเข้ามาขอความช่วยเหลือด้านที่พักพิงจำนวนมาก ความรู้ความสามารถนายชัยพรยังคงทำประโยชน์ให้กับสังคมได้อีกมาก บ้านมิตรไมตรีภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือและดึงความสามารถบุคคลที่ประสบภาวะยากลำบาก มาร่วมสร้างประโยชน์สังคม สำหรับนายชัยพรถือเป็นบุคคลที่มีภาวะยากลำบาก หรือที่คนเรียกว่าคนไร้บ้านรายแรกที่ได้รับรางวัล อยากฝากให้คนในสังคมอย่ามองคนไร้บ้านอย่างดูแคลน เพราะมีจำนวนมากที่มีความสามารถ และทำคุณประโยชน์กับสังคมได้อย่างคาดไม่ถึง

JOBBKK.COM © Copyright All Right Reserved

Jobbkk has only one website. In no case, we have an affiliate, agent or appointee. Please do not rely on any other website, email, telephone, SMS or other contacting channel. If it is a case, we will prosecute under a lawsuit in the upmost as allowed. DBD

Top